การรับประทานผักมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะในผักมีวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ ที่ช่วยรักษาความสมดุลของระบบในร่างกาย หลายคนจึงนิยมหันมารับประทานผักเพื่อดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยการนำมาประยุกต์กับมื้ออาหารต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าเมนูยอดนิยมของคนไทยคงหนีไม่พ้นผักต้มจิ้มน้ำพริก แต่จะมีคนไหนบ้างที่รู้วิธีต้มผักที่ถูกต้อง โดยไม่ทำให้เสียคุณค่าอาหาร รวมถึงไม่ทำให้วิตามินแร่ธาตุที่อยู่ในผักสูญหายไป เนื่องจากวิตามินหลายชนิดมักสลายตัวเมื่อโดนความร้อน อาทิ วิตามินซี และวิตามินบี ดังนั้น คุณแม่บ้านหรือผู้ที่ชื่นชอบงานครัวทุกท่านจึงควรมีเคล็ดลับในการต้มผักให้ไม่เสียคุณค่าทางอาหาร และยังทำให้เมนูผักของเรานั้นน่าทานอีกด้วยค่ะ
เผย 4 วิธีต้มผักไม่ให้คุณค่าอาหารลดลง
1. ล้างผักให้สะอาด
กระบวนการปลูกผักในปัจจุบันนี้ กว่าจะถึงมือผู้บริโภคอาจยังมีสารตกค้างหลงเหลืออยู่ ไม่เว้นแม้แต่ผักที่หลายคนเรียกว่า ‘ผักปลอดสารเคมี’ ก็อาจมีสารเคมีตกค้างอยู่ได้ ดังนั้น วิธีที่จะปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้บริโภค ควรล้างผักผ่านน้ำไหล และแช่ผักในน้ำสะอาดผสมน้ำส้มสายชู/เกลือ ไว้ประมาณ 15-20 นาที เพื่อช่วยล้างเอาสารเคมีตกค้างออกไป แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แต่ไม่ควรหั่นผักก่อนนำมาล้าง เพราะอาจทำให้วิตามินละลายออกไปจากรอยหั่นได้
2. หั่นผักให้พอดี
หั่นผักที่มีขนาดใหญ่ก่อน โดยหั่นเป็นชิ้นสั้นๆ และหนา เนื่องจากผักที่มีขนาดใหญ่ อาจใช้เวลาในการต้มนาน แต่ก็ไม่ควรหั่นผักทิ้งไว้นาน เพราะอาจทำให้ความสดของผักหายไป
3. ไฟแรง เวลาสั้น
ก่อนนำผักลงไปต้ม ควรรอให้น้ำเดือดมากๆเสียก่อน พอน้ำเดือนจึงเปิดฝาและนำผักลงไปในหม้อ ในการต้มผัก ควรใช้ระยะเวลาให้น้อยที่สุด เพื่อรักษาวิตามินที่อาจสลายไปกับความร้อน หลังจากปิดฝาหม้อ รอให้น้ำเดือดอีกครั้ง แล้วรีบตักผักออก
4. เหยาะเกลือเล็กน้อย
เคล็ดลับเล็กๆในการต้มผักคือ เติมเกลือลงไปในน้ำเดือด ครึ่งช้อนชาถึง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 ลิตร (แต่ควรใส่เกลือหลังจากน้ำเดือด เพราะจะทำให้เกลือกระจายตัวไปทั่วหม้อ แต่ถ้าใส่เกลือไปตอนน้ำไม่เดือด จะทำให้เกลือนอนก้นอยู่ก้นหม้อ) การนำเกลือมาช่วยให้น้ำเดือนเร็วขึ้น และทำให้ผักสุกไวขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มรสชาติ และรักษาสีของผักให้สวยดูน่าทานอีกด้วย
เคล็ดลับ เมื่อต้มผักเสร็จแล้วยังไม่ได้รับประทานทันที ให้นำผักต้มไปจุ่มในน้ำเย็นที่ใส่น้ำแข็งไว้ประมาณ 2-3 วินาที เพื่อช่วยให้ผักกรอบและไม่เละจนเกินไป แล้วยังทำให้สีสันของผักดูน่าทานอีกด้วย